วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ที่มาของเพลงชาติไทย

แรกเริ่มเดิมทีนั้นประเทศสยาม หรือประเทศไทยในปัจจุบัน ยังไม่มีเพลงชาติเป็นของตน ใช้เพียงเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อเป็นการถวายความเคารพแด่พระมหากษัตริย์ต่างแดนเท่านั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 คณะราษฎรก็ได้ประกาศใช้เพลงชาติมหาชัยที่แต่งโดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) แต่อย่างไรก็ดียังไม่ได้รับความนิยม จึงได้มีการเปลี่ยนทำนองเพลงชาติเสียใหม่โดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้แต่งทำนองเพลงชาติอย่างเป็นทางการ ในส่วนของเนื้อร้องของเพลงชาติฉบับแรกเริ่มนั้นก็ได้ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้แต่งเนื้อเพลงให้มีความยาวถึงสองบท ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไป แต่กลับไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นเพลงชาติ เนื้อรองเพลงชาติฉบับเดิมคือ
ที่มาของเพลงชาติไทย
ที่มาของเพลงชาติไทย
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา
ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย
บางสมัยศัตรูจู่มารบ
ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่
ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราษฎร์คือเจดีย์ที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสสระเสรี
ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
สถาปนาสยามให้เทิดชัยไชโย


เมื่อเวลาต่อมาในปี 2482 ประเทศสยาม ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศไทยอย่างเป็นทางการถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้อเพลงชาติไทยในปัจจุบัน เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อประเทศแล้วรัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนเนื้อร้อง จึงได้ทำการจัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยเสียใหม่เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศ แต่มีข้อกำหนดที่ตายตัวเอาไว้ว่าเปลี่ยนเนื้อเพลงได้แต่ยังคงรักษาทำนองเพลงฉบับเดิมซึ่ง  พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ แต่มีข้อกำหนดเพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับเนื้อเพลงคือจะต้องมีความยาวของเนื้อเพลงเพียง 8 วรรคเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับเนื้อเพลงเดิมแล้วนั้นเนื้อเพลงฉบับใหม่จะต้องมีความสั้นลง และจะต้องได้ใจความ ที่สำคัญจะต้องมีคำว่า ไทยปรากฏอยู่ในเนื้อเพลงนั้นด้วย
ผลกรประกวดเนื้อเพลงชาติไทยฉบับใหม่พบว่า บทปะพันธ์เนื้อเพลงของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ รัฐบาลจึงได้ประกาศรับรองว่าให้ใช้เนื้อร้องเพลงชาติไทยตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเนื้อเพลงชาติไทยของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์คือ
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย

ตั้งแต่ปี 2482 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังคงใช้ทำนองและเนื้อเพลงเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขแต่อย่างใด เป็นเพลงที่มีความไพเราะ และมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น