วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ย้อนรอยบทกวีที่น่าจดจำ ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง … จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง

 บทกวีที่มีความคมคาย ฟังครั้งใดก็จับใจไปเสียทุกที จริงๆแล้วบทกวีนี้เป็นบทกวี "เพลงชาติไทย" ที่ประพันธ์โดย คุณนภาลัย สุวรรณธาดา (นามสกุลเดิม ฤกษ์ชนะ) เพื่อส่งเข้าประกวดที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง และได้รับรางวัลชนะเลิศ ในปี พ.ศ.2510 สมัยยังเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะก่อกำเนิดขึ้นในประเทศไทยตามมาอีกหลายต่อหลายครั้งทั้ง เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516  หรือ วันมหาวิปโยค เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2535 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่คนไทยกำลังจะฆ่ากันเอง ด้วยความที่บทกวีนี้มีความสละสลวย มีสัมผัสนอก สัมผัสใน ครบถ้วนกระบวนความ ทำให้คนไทยแทบทุกคนจดจำได้ดี หลังจากที่บทความนี้ได้ถูกแพร่กระจายผ่านสื่อต่างๆ  เป็นบทความที่ทำให้คนไทยได้ขบคิด และสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่คนในชาติด้วยบทกวีที่มีความไพเราะดังนี้
ธงชาติไทยไกวกวัดสะบัดพลิ้ว 
ผ้าผืนน้อยบางเบาเพียงเท่านี้ แลริ้วริ้วสลับงามเป็นสามสี 
แต่เป็นที่รวมชีวิตและจิตใจ
ชนรุ่นเยาว์ยืนเรียบระเบียบแถว 
"ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" ดวงตาแน่วนิ่งตรงธงไสว
ฟังคราวใดเลือดซ่านพล่านทั้งทรวง
ผืนแผ่นดินถิ่นนี้ที่พำนัก 
แผ่นดินไทยไทยต้องครองทั้งปวง เราแสนรักและแสนจะแหนหวง 
ชีพไม่ล่วงใครอย่าล้ำมาย่ำยี
เธอร้องเพลงชาติไทยมั่นใจเหลือ 
เพลงกระหึ่มก้องฟ้าก้องธาตรี พลีชีพเพื่อชาติที่รักทรงศักดิ์ศรี 
แม้ไพรีได้ฟังยังถอนใจ
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไทยร้าวใจเหลือ 
บ้างหากินบนน้ำตาประชาไทย คือเลือดเนื้อเป็นหนอนคอยบ่อนไส้ 
บ้างฝักใฝ่ลัทธิชั่วน่ากลัวเกรง 
ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง 
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง 
จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง

หลังจากได้อ่านบทประพันธ์นี้ทำให้นึกย้อนมองกลับดูสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน รวมถึงอดีตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในบ้านเมืองเรา จนประเทศไทยจะร้อนเป็นไฟ นึกแล้วก็ใจหายที่ ทำไมคนในชาติเดียวกัน มีสายเลือดของความเป็นไทยเหมือนๆกันถึงจับมีด ถือปืน มารบราฆ่าฟันกันเองแบบนี้ แล้วบรรพบุรุษของเราจะนอนหลับอย่างสงบได้อย่างไร แล้วเพลงชาติไทยของเราจะมีเอาไว้เพื่ออะไร ถ้าคนในแผ่นดินยังไม่รักกันเองเลย
แต่ในเหตุการณ์แห่งความเลวร้ายที่เกิดขึ้น ก็ยังมีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความเมตตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในแผ่นดิน เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ก็ยังได้เห็นน้ำใจคนไทยที่ยังมีจิตใจเมตตาเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยาคนไทยด้วยกันเอง ถือว่าในความเลวร้ายก็ยังมีความงดงามของน้ำใจหลงเหลืออยู่ และต่อไปหวังว่าเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเราอีก

4 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ขออนุญาตลำดับใหม่นะครับ เพราะที่แสดงมานั้น ลำดับผิดครับ!


    ธงชาติไทยไกวกวัดสะบัดพลิ้ว แลริ้วริ้วสลับงามเป็นสามสี
    ผ้าผืนน้อยบางเบาเพียงเท่านี้ แต่เป็นที่รวมชีวิตและจิตใจ

    ชนรุ่นเยาว์ยืนเรียบระเบียบแถว ดวงตาแน่วนิ่งตรงธงไสว
    "ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" ฟังคราวใดเลือดซ่านพล่านทั้งทรวง

    ผืนแผ่นดินถิ่นนี้ที่พำนัก เราแสนรักและแสนจะแหนหวง
    แผ่นดินไทยไทยต้องครองทั้งปวง ชีพไม่ล่วงใครอย่าล้ำมาย่ำยี

    เธอร้องเพลงชาติไทยมั่นใจเหลือ พลีชีพเพื่อชาติที่รักทรงศักดิ์ศรี
    เพลงกระหึ่มก้องฟ้าก้องธาตรี แม้ไพรีได้ฟังยังถอนใจ

    แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไทยร้าวใจเหลือ คือเลือดเนื้อเป็นหนอนคอยบ่อนไส้
    บ้างหากินบนน้ำตาประชาไทย บ้างฝักใฝ่ลัทธิชั่วน่ากลัวเกรง

    ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
    ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง


    บทกวีนิพนธ์ 'เพลงชาติ'

    ตอบลบ
  3. ใจความสำคัญและจุดมุ่งหมายของบทกลอนนี้ คืออะไร

    ตอบลบ